3 กันยายน 2568
สหภาพยุโรป หรือ อียู (European Union: EU) ได้ประกาศที่จะคุ้มครองมาตรฐานด้านอาหารในการเจรจาข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกา โดยยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาการค้าเกี่ยวกับมาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary – SPS) ซึ่งเป็น “ขอบเขตที่ชัดเจน” ( clear red line) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันปรับปรุงกระบวนการออกใบรับรองด้านสุขอนามัยให้มีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการแก้ไขข้อกังวลต่อประเด็นด้าน SPS ที่มีมาอย่างยาวนาน
ด้านอียู ยังคงมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากวัวที่ได้รับสารกระตุ้นการเจริญเติบโต เนื่องจากกฎหมายของยุโรปห้ามใช้ฮอร์โมนในกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์เพื่อบริโภค ขณะที่ผู้ผลิตเนื้อวัวบางรายในสหรัฐฯ ใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ทำให้เนื้อสัตว์ไม่สามารถวางจำหน่ายในตลาดยุโรปได้ ในกรณีของเนื้อไก่ สหรัฐฯ ใช้กระบวนการล้างซากไก่ด้วยสารละลายคลอรีนเพื่อลดเชื้อโรค อย่างไรก็ตาม อียูห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกที่ผ่านการบำบัดด้วยคลอรีนดังกล่าว แม้จะยังคงข้อจำกัดในบางผลิตภัณฑ์ อียูมีแผนจะเปิดตลาดในรูปแบบสิทธิพิเศษแก่สินค้าจากสหรัฐฯ หลายรายการ เช่น อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์การเกษตร รวมถึง ถั่วเปลือกแข็ง ผลิตภัณฑ์นม ผลไม้สดและแปรรูป อาหารแปรรูป เมล็ดพันธุ์น้ำมัน ถั่วเหลือง และเนื้อหมูรวมถึงเนื้อไบซัน
ในส่วนของรัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ระงับการบังคับใช้มาตรการตรวจสอบพรมแดนเพิ่มเติมสำหรับสัตว์มีชีวิตที่นำเข้าจากอียู
รวมถึงสินค้าสัตว์และพืชบางประเภทจากไอร์แลนด์ โดยมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่อยู่ระหว่างการจัดทำ เพื่อจัดตั้งเขต SPS ร่วมระหว่างสหราชอาณาจักรและอียู แม้รายละเอียดของข้อตกลงยังอยู่ระหว่างการเจรจา ผู้ประกอบการยังคงต้องปฏิบัติตามแผนการดำเนินงานตามเป้าหมายชายแดน หรือ Border Target Operating Model (BTOM) ของสหราชอาณาจักรต่อไป ทั้งนี้ สัตว์มีชีวิตบางประเภทที่นำเข้าจากอียูยังต้องรับการตรวจสอบ ณ สถานที่ปลายทาง
ชนิดสินค้า : ผัก, ไก่, โค, สินค้าปศุสัตว์อื่น ๆ
ประเภทของข่าว : สถานการณ์การค้า
ที่มา : Global Ag Media