21 สิงหาคม 2568
นายอันดี ทัมซิล (Andi Tamsil) ประธานสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งอินโดนีเซีย ประเมินว่า อัตราภาษีนำเข้า 19% ของสหรัฐฯ อาจทำให้มูลค่าการส่งออกกุ้งโดยรวมของอินโดนีเซียลดลงถึง 30% ภายในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2567 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของแรงงานกว่า 1 ล้านคนในอุตสาหกรรม
ด้านประธานสมาคมผู้ประกอบธุรกิจอาหารทะเลของอินโดนีเซีย ให้ความเห็นว่า แม้จะมีการตกลงกันเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ยังคงชะลอการสั่งซื้อกุ้ง พร้อมระบุว่า ภาษีนำเข้าที่ 19 % ทำให้อินโดนีเซียเสียเปรียบทางการแข่งขัน เมื่อเทียบกับ เอกวาดอร์ ผู้ผลิตกุ้งเลี้ยงรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งถูกกำหนดภาษีนำเข้าไว้เพียง 15% เท่านั้น นอกจากแผนขยายตลาดในจีน อินโดนีเซียอาจกระจายการส่งออกไปยังตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ ไต้หวันและสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างที่อินโดใกล้ปิดดีลข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป
ก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศเก็บภาษีนำเข้า จีนนำเข้ากุ้งจากอินโดนีเซียเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น ปัจจุบัน อุตสาหกรรมกุ้งของอินโดนีเซียจำเป็นต้องเร่งทำการตลาดเชิงรุก เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักในจีนมากขึ้น โดยเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายอันดี ทัมซิล ได้นำคณะผู้แทนอุตสาหกรรมเดินทางไปยังจีน เพื่อพบกับผู้นำเข้า ตัวแทนร้านอาหาร รวมถึงผู้ประกอบการจากแพลตฟอร์มค้าขายสินค้าเกษตรออนไลน์ พร้อมแผนเดินทางประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมในอนาคต
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกานับเป็นตลาดส่งออกกุ้งที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย โดยเมื่อปี 2567 คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% ของมูลค่าการส่งออกกุ้งรวมทั้งประเทศที่อยู่ที่ 1.68 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา: Reuters : สรุปโดย : มกอช.