15 กันยายน 2568
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 องค์การสหประชาชาติ (United Nation’s : UN) เปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาอาหารโลก (Food Price Index) ซึ่งจัดทำขึ้นโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (The United Nation’ Food and Agriculture Organization : FAO) โดยระบุว่าดัชนีราคาอาหารโลกเดือนสิงหาคม 2568 พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์ น้ำตาล และน้ำมันพืชที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยดัชนีราคาอาหารโลกเดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 130.1 เพิ่มจาก 130.0 จุด จากเดือนก่อนหน้า และสูงขึ้น 6.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันพืชเพิ่มขึ้นกว่า 1.4% สูงสุดในรอบ 3 ปี สาเหตุหลักมาจากแผนเพิ่มการผลิตไบโอดีเซลของอินโดนีเซียเพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลนำเข้า ส่งผลให้ น้ำมันปาล์ม น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันแรพซีด (rapeseed) มีราคาที่สูงขึ้น ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองมีดัชนีที่ลดลงหลังจากการคาดการณ์ว่ามีปริมาณที่เพียงพอ
ด้านดัชนีราคาเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น 0.6% สาเหตุหลักมาจากความต้องการเนื้อวัวที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และจีน ด้านราคาเนื้อแกะเพิ่มสูงขึ้น ราคาเนื้อหมูคงตัว ขณะที่ราคาสัตว์ปีกลดลง เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ล้นตลาดจากบราซิล นอกจากสินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์ ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่ลดลงมาเป็นเวลา 5 เดือน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลผลิตอ้อยของบราซิลและความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ขณะที่ราคาข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ เพื่อใช้ผลิตอาหารสัตว์และเอทานอล
ทั้งนี้ ดัชนีราคาอาหารอื่น ๆ กลับลดลงโดยราคาธัญพืชลดลง 0.8% เนื่องจากผลผลิตจำนวนมากในสหภาพยุโรปและรัสเซีย รวมถึงราคาผลิตภัณฑ์นมลดลง 1.3% เนื่องจากความต้องการเนย ชีส และนมผง (Whole milk powder) ในตลาดเอเชียที่ลดลง
นอกจากนี้ FOA ได้คาดการณ์การผลิตธัญพืชทั่วโลกของปี 2568 จาก 2.925 พันล้านตัน เป็น 2.961 พันล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.5% จากปีก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่มาจากแนวโน้มข้าวโพดที่ปรับตัวดีขึ้น ในสหรัฐฯ บราซิล และเม็กซิโก เนื่องจากผลผลิตที่สูงขึ้นและการขยายพื้นที่เพาะปลูก ขณะที่คาดการณ์ว่าการผลิตข้าวโพด สหภาพยุโรปจะลดลง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง
ชนิดสินค้า : ธัญพืช, สินค้าปศุสัตว์อื่น ๆ, สินค้าประมงอื่น ๆ
ประเภทของข่าว : สถานการณ์การค้า
ที่มา : Reuters